วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Learn English From Songs - Hotel California - The Eagles


คุณชอบฟังเพลงสากลไหม? ผมชอบครับ แต่บางทีถามตัวเองบ่อยครับหรืออาจมีเพื่อนบางคนที่เค้าไม่ชอบฟังเพลงสากลถามว่า "มึงฟังทำไม ฟังรู้เรื่องเหรอ" อ้าว.. พูดงี้มันดูถูกภูมิความรู้กันนิหว่า ผมเลยทำนั่งคิด..เออ เราก็น่าจะทำหรือเขียนหัวข้อที่เอาประโยชน์จากการที่เราฟังเพลงฝรั่งมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เลยเกิดบทความนี้ขึ้นมา ผมตั้งให้ชื่อว่า Learn English From Songs  สำหรับตอนนี้ ผมนำเสนอเพลงโคตรฮิตตลอดกาล อย่างเพลง Hotel California มาก่อนเลย เป็นเพลงที่ใครๆ ก็รู้จัก ไม่นับเด็กที่เพิ่งเกิดใหม่นะ เพลงดังขนาดนี้หลายๆ ไม่ใช่เคยฟังอย่างเดียว ยัง งืม ๆงัม ๆฮืมฮัม ตามเพลงได้ แต่ใครหลายๆ คนจะรู้ความหมายของเพลงนี้กันหรือเปล่าล่ะ




ถ้าย้อนเวลากลับไปตอนผมยังหัดเล่นกีต้าร์ เพลง hotel california เป็นเพลงหนึ่งที่ต้องหัดเล่นให้ได้ เมื่อก่อนเล่นอย่างเดียว ร้องอย่างเดียวไม่เคยสนว่าเพลงมันพูดถึงอะไร ยอมรับแต่โดยดี เมื่อก่อนผมเคยนึกว่า เจ้าเพลง hotel california เป็นเพลงรักหวานซึ้ง พูดถึงความรักที่เกิดขึ้นในโรงแรมแห่งหนึ่ง เพราะไอ้คำประโยคที่ว่า " such a lovly place.. such a lovly face" โอ้ย...เพลงรักแน่นอน แต่ใครจะรู้ละว่า จริงๆแล้ว ความหมายของเพลง hotel california เค้าพูดถึง โรงแรมผีสิง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความรักหวานซึ้งเล้ย..... อ่ะเรามาลองแปลเป็นประโยคๆ ตามเนื้อเพลงกันเลยนะครับ แปลผิดถูกยังไงก็ขออภัย ตามความรู้ความสามารถจริงๆ และก็ความกระแดะอยากจะทำ


เนื้อเพลง: Hotel California
{ตะแง่ว ตะแง่ว ตะลุงตุงโป๊ะ *เสียงดนตรีเริ่ม}

On a dark desert highway
บนทางไฮร์เวย์ในยามค่ำคืน

Cool wind in my hair
ลมเย็นๆ พัดผ่านเส้นผมปลิว

Warm smell of colitas
กลิ่นเจ้าต้น Colitas (เป็นดอกของต้นกระบองเพชร) หอมฉุยส่งกลิ่นมา

Rising up through the air
ส่งกลิ่นผ่านมากับสายลม

Up ahead in the distance
มองตรงไปทางข้างหน้า

I saw a shimmering light
ฉันเห้ฯแสงไฟสลัวๆ

My head grew heavy, and my sight grew dim
หัวหนักไปหมดและตาก็เริ่มจะมัวแล้วด้วย (ประมาณว่าเหน็ดเหนือยมาทั้งวัน)

I had to stop for the night
และฉันจะต้องพักซักคืนแล้วล่ะ

There she stood in the doorway
มีสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า

I heard the mission bell
เสียงระฆังดังหงางมาขึ้น

And I was thinking to myself
และฉันก็คิดอยู่ในใจ

This could be Heaven or this could be Hell
นี่มันสวรรค์หรือนรกกันแน่

Then she lit up a candle
แล้วเธอก็จุดเทียน

And she showed me the way
ตามมาทางนี้สิจ๊ะพอหนุ่ม

There were voices down the corridor
มีเสียงมาจากข้างล่างทางเดิน

I thought I heard them say
ฉันว่าฉันได้ยินพวกเค้าพูดว่า

Welcome to the Hotel California
ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย

Such a lovely place
สถานที่ที่สวยงาม

Such a lovely face
รูปลักษณ์ที่เลิศหรู

Plenty of room at the Hotel California
ห้องนอนเพียบเลยที่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย (ว่างจัด)

Any time of year
ไม่ว่าเวลาไหน

You can find it here
คุณจะหาได้ที่นี่แหละ

Her mind is Tiffany twisted
วิญญาณของหลอนเหมือนล่องลอยเหมือนสาว Tiffany

She's got the Mercedes Benz
นุ่มเหมือนกับขับรถเบนซ์

She's got a lot of pretty, pretty boys
เธอมีเด็กๆ น่ารักมากมาย

That she calls friends
ที่เธอเรียกว่าเพื่อน

How they dance in the courtyard
พวกเค้าเต้นรำกันในลานกว้าง

Sweet summer sweat
ในหน้าร้อนที่แสนระอุ

Some dance to remember
นักเต้นบางคนที่น่าจดจำ

Some dance to forget
นักเต้นบางคนก็ถูกลืมเลือนไป

So I called up the Captain
และฉันก็เรียกบ๋อย

Please bring me my wine
เอาไวน์มาให้ฉันหน่อยสิ

He said We haven't had that spirit here since 1969
เค้าบอกว่า... พวกเราไม่มีตัวตนตั่งแต่ปี 1969 แล้วล่ะ

And still those voices are calling from far away
แล้วทันใดนั้น เสียงหนึ่งที่ดังก้องมาจากที่ไกลๆ

Wake you up in the middle of the night
ทำให้คุณต้องตื่นขึ้นกลางดึก

Just to hear them say
แค่ได้ยินเค้าพูดว่า

Welcome to the Hotel California
ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย

Such a lovely Place
สถานที่ที่สวยงาม

Such a lovely face
รูปลักษณ์ที่โออ่า

They're livin' it up at the Hotel California
พวกเราอยู่ที่นี่ โรงแรมแคลีฟอร์เนีย

What a nice surprise
ตกใจไหมล่ะ

Bring your alibies
ทำให้คุณแทบบ้าไปเลย

Mirrors on the ceiling
กระจกบนเพดาน

Pink champagne on ice
แชมเปญสีชมพูบนน้ำแข็ง

And she said
และหล่อนบอกว่า

We are all just prisoners here
พวกเราทั้งหมดก็แค่นักโทษของที่นี่

Of our own device
พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่

And in the master's chambers
และในคืนวันปลอยผี

They gathered for the feast
เราจะมีงานฉลองกัน

They stab it with their steely knives
พวกเค้าพยายามใช้มีดแทงลงใน

But they just can't kill the beast
แต่พวกเค้าก็ไม่สามารถทำร้ายอะไรได้เลย (เริ่มมั่วและ)

Last thing I remember
สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้

I was running for the door
ฉันพยายามวิ่งหนีออกมาทางประตู

I had to find the passage back to the place I was before
ฉันพยายามหนีออกมาสู่ที่ของฉัน

Relax said the nightman
ใจเย็นๆ ... บุรุษลึกลักพูด

We are programed to recieve
เราได้รับคุณเข้ามาแล้ว

You can check out any time you like
คุณสามารถเช็คเอาน์ออกเมื่อไหร่ก็ได้

But you can never leave
แต่คุณไม่มีทางออกจากที่นี่ได้...ฮ่าๆๆๆ

ตอนนี้ก็รู้ความหมายกันแล้วจะได้ไม่เข้าใจกันผิดๆ ผมเชื่อคนหลายคนยังคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงรักหวานซึ้ง แต่ถึงจะรู้ความหมายยังไง เพราะนี้ก็ยังเป็นเพลงหนึ่งในใจหลายๆคน เพราะท่วงทำนองที่ไพเราะนี่แหละที่มัดใจใครหลายๆคน ยิ่งท่อนโซโลนะ สุดโค่ยยยยย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น